วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ความผิดพลาดเล็กๆ(ที่ยิ่งใหญ่)

ผมพาครอบครัวออกไปทานข้าวนอกบ้าน..
ฉลองกันเนื่องในโอกาสที่ ลูกชาย ฯคณะฯ ท่านได้กลับมากลับมาติดยศอีกครั้ง..
น่าปลื้มใจแทนจริงๆ..
ว่าจะไม่แขวะการเมืองแล้วเชียวน๊า..
อดไม่ได้ สงสัยหมาในปากขาดสารอาหาร พาลกัดคนอื่นไปทั่ว แง่มๆๆ.. 

วันนี้พาครอบครัวไปกินข้าวนอกบ้าน ร้านปลาเผาเจ้าอร่อย
ที่จริง.. เรื่องของเรื่องก็ไม่มีอะไร บรรยากาศ รสชาติอาหารทุกอย่าง ก็ลงตัว
สนนราคาก็ไม่สูงจนเกินในยามข้าวยากน้ำมันแพง อย่างนี้ ..
ราคาเบาๆ แต่หนักท้อง 

ระหว่างที่ผมกับคุณภรรเมียกำลังเมามันส์กับการแทะปลา
เราก็ปล่อยให้เด็กวิ่งเล่นกับเด็กๆแถวนั้น อีก 2-3 คน เด็กๆ ดูจะคุยกันถูกคอ
ได้ยินเสียงหัวร่อกันอย่างหนุกหนาน..
จนได้เวลาเช็คบิลกลับบ้าน น้องนันท์ลูกชายคนเล็กของผม
ดูมีท่าทีแปลกๆ มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง
ผมขอดูแกก็ไม่ยอมให้ดู เลยไม่ได้สนใจจะซักอะไรต่อ
รีบพากันกลับบ้าน เพราะฝนฟ้าดูไม่เป็นใจ...
ผมจำไม่ได้ซะด้วยว่าเคยสาบดสาบานไว้กี่ครั้ง .. 

กลับมาถึงบ้านทำโน้น ทำนี่ไปเรื่อย..
ได้ยินเสียงเจ้าลูกชายคนโต กับเจ้าคนเล็กส่งเสียงกันเอะอะ
ผมจึงส่งคุณภรรยาเข้าไปไกล่เกลี่ย สงบศึก..

แต่พอผมออกมาดู..
ปรากฏว่าเจ้าลูกชายคนเล็กกำลังซบหน้า ทำตาปริบๆ กับอกแม่ ไม่ยอมขยับไปไหน..
ผมเลยสอบถามว่าเป็นอะไร แกก็ไม่ยอมตอบ..
คุณภรรยาเลยบอกว่า ลูกชายเอาของเล่นจากที่ร้านมาโดยไม่ บอกใคร
ภาษาที่ฟังง่ายๆ คือ ขโมยนั่นแหละครับ
ถือเป็นความผิดพลาดโดยสุจริต... 
ของเล่นเป็นเพียงเครื่องบินทหารลำเล็กๆ เท่านั้น..
ซึ่งเจ้าลูกชายคนโตมันเห็น จับได้ เลยส่งฟ้องแม่ทันที.. 
จริงๆ ศาลแม่ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร
เพียงแต่ถามว่าลูกเอามาจากไหน ของใครเท่านั้น..
ต่อมสำนึกของลูกชายคนเล็กมันก็เริ่มทำงาน
ถึงความผิดพลาดอันใหญ่หลวง รู้สึกอับอายที่ถูกจับได้..
เราคงสอนให้ลูกหน้าบางเกินไป..กับเรื่องอย่างนี้

ผมบอกลูกว่า มันไม่ใช่ของๆเรา ควรเอาไปคืนนะลูก
แล้วถามต่อว่า อยากเอาไปคืนวันนี้เลยดีไหม๊ พ่อจะพาไป..
เจ้าตัวเล็ก ผมพยักหน้าพร้อมโผเข้ามาขี่หลัง..
เราสองคนพ่อลูกเดินทางกลับไปยังร้านอาหารอีกครั้ง.. 

"พ่อ..ตอนเอาไปคืน เจ๋งรออยู่ในรถได้ไหม๊ เจ๋งไม่ได้เอา รองเท้ามา.." แกต่อรองขณะอยู่ในรถ 
"ไม่เป็นไรหรอกลูก ไม่มีใครว่าอะไรหรอก เดี๋ยวเจ๋งขี่หลังพ่อ ไปก็ได้.." ผมตอบยืนยันให้แกมั่นใจ

การส่งมอบคืนของเล่นชิ้นเล็กๆที่ไม่สำคัญ
แต่กลับยิ่งใหญ่เหมือนดั่งมหกรรมวิ่งส่งไฟคบเพลิงโอลิมปิก ก็ไม่ปาน 
ภาพสโลโมชั่นที่ผมกำลังวิ่งเหยาะๆ โดยมีลูกชายขี่หลัง
พร้อมกับยื่นของเล่นไปข้างหน้า ส่งมอบให้ถึงมือเจ้าของเดิม
ก่อนจะจากกันด้วยรอยยิ้มและคำขอบคุณ.. 

หวังว่าความผิดพลาดเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้..
จะเป็นบทเรียนสอนใจที่ดีให้ลูกได้จำไว้..
 ของอะไรที่ไม่ใช่ของเรา ไม่ควรเอา.. 
ทำผิดก็ยอมรับผิดเถอะ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย.. แต่เป็นความกล้าหาญ 

เสียงปืน กับเสียงประทัด ต่างกันนะลูก..ฟังให้ดีๆ 
โตขึ้น ไปเที่ยวพับ เที่ยวบาร์ โดนใครเหยียบตีน หรือมองหน้า..
อย่าไปถามเขานะว่า "รู้หรือเปล่าว่ากรูลูกใคร"..
เพราะถ้าลูกไม่รู้จริงๆ พ่อคิดว่าให้ลูกไปถามไอ้ปื้ดดีกว่า 
ไอ้ปื้ดมันน่าจะรู้..

และให้เชื่อคำโบร่ำโบราณว่าไว้ "
คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้"
เพราะคนดีส่วนใหญ่จะโดนถ่วงให้จมน้ำตาย ไม่ไหลไปไหน

แต่ถึงกระนั้น.. 

เราหยุดทำความดีไม่ได้นะลูก
เพราะคนเลวเขายังแข่งขันกันทำความเลวได้ทุกวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น