วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

THE CIDER HOUSE RULES : "ผิดหรือถูก..ใครคือคนกำหนด"

ผมเลือกซื้อหนังเรื่องนี้รวมๆกับหนังเรื่องอื่นอีกสองเรื่อง ซึ่งเป็นหนังที่ทางร้านจัดโปรโมชั่น ด้วยตัวเลขที่เตะตา และราคาที่เตะใจติดหราอยู่บนกล่อง ทำให้ตัดสินใจไม่ยาก โดยเฉพาะหนังแนวดราม่า และมีรางวัลออสการ์การันตีถึงสองรางวัลเป็นกลุ่มหนังสะสมที่ผมชอบซื้อเก็บเอาไปไว้ดู

 "ผิดหรือถูก..ใครคือคนกำหนด" คือชื่อภาษาไทยของหนังเรื่องนี้ เดิมทีผมคิดว่าเนื้อเรื่องคงเรื่อยๆเอื่อยๆ ออกแนวเศร้าเคล้าน้ำตา ตามสไตล์หนังดราม่า สำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบหนังแนวนี้คงจะบอกว่าน่าเบื่อ ดูเหมือนว่าผมเองก็คิดเช่นนั้น ทำให้ผมเก็บหนังเรื่องนี้ ไว้ในชั้นหนังสะสมอยู่เสียนานจนเกือบลืมไปแล้วว่ายังไม่เคยได้ดู จนกระทั่งได้มารื้อชั้นปัดฝุ่นเก็บกวาด ทำความสะอาดบ้านต้อนรับเทศกาลสงกรานต์  หลังเสร็จภาระกิจ จึงลองหยิบเรื่องนี้มาดูแบบไม่ได้ตั้งใจนัก คิดว่าถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจก็ค่อยเก็บใส่กล่องไว้เหมือนเดิม

เรื่องของเรื่องเปิดตัวที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หนังเรื่องนี้ย้อนยุคพาผู้ชมกลับไปในช่วงที่โลกยังห่างไกลความวุ่นวายอย่างในทุกวันนี้ แค่ฉากของเรื่อง การแต่งกาย เครื่องไม้เครื่องมือ การเดินทางสัญจร และวิถีการดำเนินชีวิตของคนในยุคนั้น ก็ทำให้ผมเพลินไปกับการติดตามเนื้อเรื่องของหนังที่ค่อยๆชวนคนดูให้ได้คิด และตระหนักความเป็นไปของชีวิตผ่านตัวละครแต่ละคน.. มารู้ตัวอีกทีก็ถึงตอนที่หนังจบลงเสียแล้ว

โอเมอร์ เวลส์ เด็กหนุ่มที่เติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โดยการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจาก หมอลาร์ซ ก่อนหน้านี้เคยมีครอบครัวมาขอรับโอเมอร์ไปดูแลแต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะกำหนดให้เขาต้องอยู่ เพื่อทำตัวให้มีประโยชน์กับคนที่นี่ และนั่นเป็นโอกาสที่ทำให้เขาได้รับการถ่ายทอดวิชาทางการแพทย์จากการปฏิบัติเป็นเวลายาวนานหลายปี จนเป็นหมอลาร์ชบอกบอกว่าเขาคือหมอทางสูตินรีเวชมือดี  ซึ่งหมอลาร์ซหมายมั่นปั้นมือที่จะให้เขาดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่นี่ต่อไป แต่โอเมอร์ยืนยันเสมอว่าเขาไม่ใช่ และมีแนวคิดที่ขัดแย้งกับหมอลาร์ซในเรื่องของการทำแท้งว่าไม่ใช้สิ่งที่ถูกต้อง 

ทุกๆวันชีวิตของโอเมอร์อยู่กับการดูแลหญิงที่มาคลอดแล้วทิ้งลูกไว้ หรือไม่ก็เป็นลูกมือช่วยทำแท้งให้กับหมอลาร์ซ และการใช้ชีวิตร่วมกับเด็กกำพร้าที่แต่ละคนเฝ้านับวันรอพ่อแม่บุญธรรมมาขอรับไปเลี้ยงดู  จนกระทั่งวันหนึ่งเขามีโอกาสพบชายหญิงคู่หนึ่งที่มาทำแท้ง และทำให้เขาตัดสินในทีจะขอออกไปสัมผัสกับโลกภายนอกที่เขาไม่เคยรู้จัก โดยเขาไปเริ่มต้นชีวิตเป็นคนงานที่ไร่แอปเปิ้ลของชายหญิงคู่นั้นซึ่งในระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในไร่แอปเปิ้ล โอเมอร์ได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตหลายอย่าง แหกกฏเกณฑมากมาย แม้กระทั่งการยอมในสิ่งที่เขาพยายามปฏิเสธมาตลอด นั่นคือทำแท้งให้กับคนงานในไร่ที่ตั้งท้องกับพ่อของตัวเอง..

ในหนังเรื่องนี้มีความขัดแย้งหลายอย่างที่น่าสนใจ เป็นต้นว่า สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็เป็นสถานที่รับทำแท้งแบบลับๆ หมอลาร์ซที่รักเด็กและเอ็นดูเด็กกำพร้าทุกคนอย่างจริงจัง แต่ก็สนับสนุนเรื่องการทำแท้ง ความรักของพ่อที่เห็นแก่ตัวจนกระทั่งทำร้ายลูกสาวของตัวเอง หรือแม้กระทั่งอารมณ์รักของพระเอกกับหญิงสาวที่แอบนอกใจแฟนหนุ่มของตัวเองด้วยเหตุผลที่ว่าทนอยู่คนเดียวไม่ได้..

ผมไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของวลีอมตะที่ว่า "กฏเกณฑ์ต่างๆ..มีไว้แหก " หนังเรื่องนี้ดูจะเป็นสิ่งที่ยืนยันประโยคดังกล่าวเป็นแน่แท้ เพราะในเนื้อเรื่องมีการแหกกฏเกณฑ์หลายอย่าง โดยเฉพาะประโยคโดนใจที่ว่า " มันเป็นกฏที่ผู้สร้างไม่ได้ใช้..เราจึงไม่ต้องปฏิบัติตาม" 

การดำเนินชีวิตของตัวละครในหนังเรื่องมีหลายเรื่องเป็นมุมมอง ที่แตกต่างจากสามัญสำนึกของคนทั่วไปทั้งในด้านศีลธรรม การโกหก บิดเบือน หรือการแหกกฏเกณฑ์ต่างๆที่เราทุกคนต่างรู้ว่าอะไรควรไม่ควร แต่หลายครั้งคนเราก็เลือกทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำอยู่นั่นเอง แต่ไม่ว่าจะเลือกทำอย่างไรบทสุดท้ายของความเข้าใจ ที่ผมพอสรุปได้ นั่นคือ "ความจริง..ก็ยังคงเป็นความจริงของมันอยู่วันยันค่ำ"

ชื่อของหนัง THE CIDER HOUSE RULES ซึ่งมีที่มาจากแผ่นกระดาษที่ติดอยู่ข้างฝาในโรงนอนของคนงานเก็บแอปเปิ้ลที่อ่านหนังสือไม่ออก แทบไม่มีใครสนใจมันด้วยซ้ำไป และทุกอย่างที่เป็น กฏข้อห้ามคนงานทุกคนต่างพากันแหกกฏทุกข้อ 

ในการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยกฏเกณฑ์ต่างๆมากมายบนโลกใบนี้
คำตอบที่ดี บางทีก็อยู่ที่การดำเนินชีวิตตาม "หัวใจ" ของเรานี่เอง



" มันเป็นกฏที่คนสร้างไม่ได้ใช้ เราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องทำตาม "



THE CIDER HOUSE RULES
ฉายในปี 1999
จากบทประพันธ์ของ JOHN IRVING
WINNERS ACADEMY AWARDS
- Best supporting Actor : Michael Caine
- Adapted screenplay : John Irving