วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

080-449-XXXX เบอร์ที่ไม่เคยโทร..

ผม..

สูญเสียความสามารถในการจดจำหมายเลขโทรศัพท์ไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้  รู้แต่ว่าหากวันใดโทรศัพท์หาย ผมคงกลายเป็นคนไร้ญาติขาดมิตรไปชั่วขณะ เพราะว่าดันใช้โทรศัพท์ทำหน้าที่เหมือนนสมุดหน้าเหลือง เก็บข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อทั้งหมด 
แบบว่า..เครื่องเดียวก็น่าจะเอาอยู่

ตั้งแต่โลกสามารถสร้างมือถือให้ทำหน้าที่ได้มากกว่าการพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง ฟังเพลง ดูทีวี เล่นอินเตอร์เนต เป็นเหมือนเลขา ภรรยา เพื่อน และบางครั้งก็เป็นเหมือนเจ้านาย ที่ต้องคอยหมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจไม่ให้มันแบตหมดหรือเมมเต็ม.. มันได้เปลี่ยนแปลงระบบความจำของผมแทบจะสิ้นเชิง ผมกลายเป็นคนหลงๆ ลืมๆ เซ่อๆซ่าๆ จำเบอร์ใครต่อใครไม่ค่อยจะได้ 

หมายเลขโทรศัพท์ส่วนใหญ่ผมจะเมมเก็บไว้ มีเพียงไม่กี่รายที่บันทึกไว้ในไดอารี่สำหรับกรณีฉุกเฉิน เป็นการกันเหนียวเอาไว้หากโทรศัพท์หาย หรือเจ๊งไปแบบไม่ได้บอกกล่าวร่ำลากันไว้ล่วงหน้า 

ด้วยความสะดวกสบายที่เมมง่าย ใช้คล่อง ข้อมูลภายในจึงมีเบอร์ใครต่อใครมากมาย บางครั้งก็จำไม่ได้เจ้าของเบอร์นี้มีแฟน..เอ๊ย คือใคร ถ้าเบอร์ไหนไม่ได้ใช้นานๆ ผมก็จะคัดเลือกเอามาจุดธูปเพื่อขออภัยที่จะต้องลบทิ้งไปก่อน


ข้อดีของการเมมเบอร์โทรติดต่อไว้ในโทรศัพท์ คือ ค้นหาเร็ว ค้นหาง่าย
และหลายๆครั้งก็...หาไม่เจอ

เจ้าของหมายเลขโทรศัพท์บางคนรู้จักมักจี่กันดีถึงดีมาก และได้มีโอกาสเอาใจแลกเบอร์โทรกันไว้ แล้วให้คำสัญญากันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะโทรหา จนแล้วจนรอดก็ยังโทรไปหาไม่ได้
เพราะ..ลืมว่าเมมชื่อมันไว้ว่าอย่างไร

บางวันว่างๆถือโอกาสทำ 5 ส ข้อมูลผู้ติดต่อในโทรศัพท์ เพราะมันเยอะเกินไปหลายเบอร์ไม่เคยได้ใช้ก็ลบทิ้งไปบ้าง ก็ได้แต่หวังว่า ถ้าเจ้าของเบอร์เขาโทรมาเมื่อไหร่ค่อยเก็บเมมเก็บกันไว้อีกที

น่าแปลก..
ในบรรดาหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อทั้งหมดส่วนใหญ่ที่ผมเมมเก็บไว้..
มีอยู่ไม่กี่หมายเลขที่ดูเหมือนยังติดค้างในความทรงจำส่วนลึก
คล้ายๆกับว่ามันได้ฝังตัวเลขสิบหลักไปในรอยหยักของสมองแบบถาวรเรียบร้อย

หนึ่งในนั้นคือ หมายเลข 080-449-XXXX

เบอร์นี้ที่เห็นทีไรก็ได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุขใจ
แต่...ก็ไม่เคยคิดที่จะโทรหาเจ้าของเบอร์นี้สักที

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

ปีที่ 44..

ผมไม่รู้ว่า..
การทำงานของสมอง ในการเก็บข้อมูลความทรงจำของคนเรานั้นเป็นอย่างไร

เป็นเหมือนกันบ้างไหม๊ครับ..
ทำไมบางเรื่องถึงจำได้อย่างติดตราตรึงใจ แต่หลายเรื่องก็เลือนลาง
จนถึงขั้นนึกไม่ออก บอกไม่ถูก

ชีวิตผมมีเรื่องราวที่พอจำได้
ทั้งสุข เศร้า และหนุกหนาน แบบโลดโผนผจญภัยในวัยเด็ก อยู่หลายเรื่อง 
ไม่ว่าจะเป็นแอบปิ๊งเพื่อนสาวสมัยอนุบาล เธอนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานผ่านหน้าบ้านเกือบทุกวัน 
หรือจะเป็นเรื่องที่แอบหนียายไปเที่ยวกับน้า เพื่อไปรอกินข้าว ขนมก้นบาตร ที่วัด
วันๆก็เอาแต่เที่ยวเล่นไม่เป็นสาระ..
ที่หนักๆ ในชีวิต คือ เหตุการณ์ที่ผ่านการเฉียดตายอยู่สองสามครั้ง..
ครั้งแรกยายบอกว่าโดนรถมอเตอร์ไซด์ชน จนฟันร่วงหมดปาก แต่แปลกที่ผมไม่ยักจะจำได้
ครั้งที่สองเกือบจมน้ำตาย เพราะไปเล่นที่แพริมน้ำ มัวแต่เพลินจนเดินหล่นหายต๋อมไปในน้ำ ความทรงจำตอนนั้นผมแค่รู้สึกว่าร่างกายมันเบาสบาย ร่างกายมันกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติ 
ตาที่ลืมโพลงในน้ำ เห็นแสงรำไร ไม่ได้รู้สึกทรมานอะไรนัก เพราะคงยังไม่เข้าใจว่าตายเป็นอย่างไร
แต่ก็โชคดีที่มีคนช่วยดึงขึ้นมาได้ทัน และพาไปส่งที่บ้าน

หลังจากจบชั้นอนุบาล..
ยายกับน้าพาผมมาส่งพ่อกับแม่ที่พิษณุโลก ระหว่างที่รอขึ้นรถไฟ
ด้วยความใสซื่อ และไม่เข้าใจถึงอันตรายน้องชายกับผมพากันจูงมือไปเดินเล่นไปอยู่กลางราง
ในขณะที่รถไฟเปิดวูดร้องลั่น เพราะกำลังวิ่งเข้าเทียบชานชาลา..
จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามีเสียงผู้คนหวีดร้องตกอกตกใจกันมาก 

แต่ก็ดูเหมือนว่า
โชคชะตายังไม่ถึงกับรุกฆาต น้าชายผมใช้กำลังภายในโดดเตะหลานชายทั้งสองคน
ลอยละลิ่วไปกลิ้งคลุกฝุ่น รอดพ้นการตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งไปได้อย่างหวุดหวิด..

ชีวิตเคยล้มหมอนนอนเสื่อต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง
เนื่องจากตะปูติดคอและลงไปกองนอนเล่นอยู่ในท้องเรียบร้อย
แต่ก็โชคดีครับที่มันเข้าทางปากและก็ออกทางช่องทางธรรมชาติ  ทำให้ผมรอดตัวจากการถูกปาดท้องไปได้อย่างหวุดหวิด..

ช่วงประถม..
พ่อแม่ผมถึงจะรายได้ต่ำแต่รสนิยมการเลือกโรงเรียนให้ลูกแกค่อนข้างสูง ส่งให้ผมกับน้องๆเรียนที่ไทยกล้าวิทยา โรงเรียนเอกชนใกล้บ้าน และพวกเรามีผลการเรียนดีมาก
ติดลำดับที่สองที่สามรองจากลำดับที่บ๊วย.. แต่ก็นั้นแหละครับเด็กๆอย่างผมจะไปสนใจอะไร

จนกระทั่งขึ้น ป.6 ครอบครัวอพยพโยกย้ายมาอาศัยอยู่ที่อำเภอนครไทย
ซึงทำให้ผมและน้องๆกลายเป็นซุปตา คว้าตำแหน่งนักเรียนเรียนดี สอบได้ที่ 1 มาได้อย่างงงๆ

อยู่อำเภอนครไทยได้สองสามปี ก็อพยพมาลงหลักปักฐานและก็มาสุดทางที่ด่านซ้าย
.
.
.

ผ่านร้อน ผ่านหนาว มาหลายปี
บางที.. ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเด็กที่ยังไม่(อยาก)โต
ประมาณว่า สังขารเปลี่ยนไป..แต่ใจไม่เคยเปลี่ยน

ชีวิตที่ผ่านมาก็ดีครับ มีทั้งสุข สมหวัง คลุกเคล้ากันไป มีทั้งสิ่งที่สำเร็จและล้มเหลว

ยังมีความฝัน มีจินตนาการ มีอะไรหลายอย่างเหลือเกิน ที่อยากทำ ในปีที่ 44