วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

ปีที่ 44..

ผมไม่รู้ว่า..
การทำงานของสมอง ในการเก็บข้อมูลความทรงจำของคนเรานั้นเป็นอย่างไร

เป็นเหมือนกันบ้างไหม๊ครับ..
ทำไมบางเรื่องถึงจำได้อย่างติดตราตรึงใจ แต่หลายเรื่องก็เลือนลาง
จนถึงขั้นนึกไม่ออก บอกไม่ถูก

ชีวิตผมมีเรื่องราวที่พอจำได้
ทั้งสุข เศร้า และหนุกหนาน แบบโลดโผนผจญภัยในวัยเด็ก อยู่หลายเรื่อง 
ไม่ว่าจะเป็นแอบปิ๊งเพื่อนสาวสมัยอนุบาล เธอนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานผ่านหน้าบ้านเกือบทุกวัน 
หรือจะเป็นเรื่องที่แอบหนียายไปเที่ยวกับน้า เพื่อไปรอกินข้าว ขนมก้นบาตร ที่วัด
วันๆก็เอาแต่เที่ยวเล่นไม่เป็นสาระ..
ที่หนักๆ ในชีวิต คือ เหตุการณ์ที่ผ่านการเฉียดตายอยู่สองสามครั้ง..
ครั้งแรกยายบอกว่าโดนรถมอเตอร์ไซด์ชน จนฟันร่วงหมดปาก แต่แปลกที่ผมไม่ยักจะจำได้
ครั้งที่สองเกือบจมน้ำตาย เพราะไปเล่นที่แพริมน้ำ มัวแต่เพลินจนเดินหล่นหายต๋อมไปในน้ำ ความทรงจำตอนนั้นผมแค่รู้สึกว่าร่างกายมันเบาสบาย ร่างกายมันกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติ 
ตาที่ลืมโพลงในน้ำ เห็นแสงรำไร ไม่ได้รู้สึกทรมานอะไรนัก เพราะคงยังไม่เข้าใจว่าตายเป็นอย่างไร
แต่ก็โชคดีที่มีคนช่วยดึงขึ้นมาได้ทัน และพาไปส่งที่บ้าน

หลังจากจบชั้นอนุบาล..
ยายกับน้าพาผมมาส่งพ่อกับแม่ที่พิษณุโลก ระหว่างที่รอขึ้นรถไฟ
ด้วยความใสซื่อ และไม่เข้าใจถึงอันตรายน้องชายกับผมพากันจูงมือไปเดินเล่นไปอยู่กลางราง
ในขณะที่รถไฟเปิดวูดร้องลั่น เพราะกำลังวิ่งเข้าเทียบชานชาลา..
จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามีเสียงผู้คนหวีดร้องตกอกตกใจกันมาก 

แต่ก็ดูเหมือนว่า
โชคชะตายังไม่ถึงกับรุกฆาต น้าชายผมใช้กำลังภายในโดดเตะหลานชายทั้งสองคน
ลอยละลิ่วไปกลิ้งคลุกฝุ่น รอดพ้นการตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งไปได้อย่างหวุดหวิด..

ชีวิตเคยล้มหมอนนอนเสื่อต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง
เนื่องจากตะปูติดคอและลงไปกองนอนเล่นอยู่ในท้องเรียบร้อย
แต่ก็โชคดีครับที่มันเข้าทางปากและก็ออกทางช่องทางธรรมชาติ  ทำให้ผมรอดตัวจากการถูกปาดท้องไปได้อย่างหวุดหวิด..

ช่วงประถม..
พ่อแม่ผมถึงจะรายได้ต่ำแต่รสนิยมการเลือกโรงเรียนให้ลูกแกค่อนข้างสูง ส่งให้ผมกับน้องๆเรียนที่ไทยกล้าวิทยา โรงเรียนเอกชนใกล้บ้าน และพวกเรามีผลการเรียนดีมาก
ติดลำดับที่สองที่สามรองจากลำดับที่บ๊วย.. แต่ก็นั้นแหละครับเด็กๆอย่างผมจะไปสนใจอะไร

จนกระทั่งขึ้น ป.6 ครอบครัวอพยพโยกย้ายมาอาศัยอยู่ที่อำเภอนครไทย
ซึงทำให้ผมและน้องๆกลายเป็นซุปตา คว้าตำแหน่งนักเรียนเรียนดี สอบได้ที่ 1 มาได้อย่างงงๆ

อยู่อำเภอนครไทยได้สองสามปี ก็อพยพมาลงหลักปักฐานและก็มาสุดทางที่ด่านซ้าย
.
.
.

ผ่านร้อน ผ่านหนาว มาหลายปี
บางที.. ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเด็กที่ยังไม่(อยาก)โต
ประมาณว่า สังขารเปลี่ยนไป..แต่ใจไม่เคยเปลี่ยน

ชีวิตที่ผ่านมาก็ดีครับ มีทั้งสุข สมหวัง คลุกเคล้ากันไป มีทั้งสิ่งที่สำเร็จและล้มเหลว

ยังมีความฝัน มีจินตนาการ มีอะไรหลายอย่างเหลือเกิน ที่อยากทำ ในปีที่ 44

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น